วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

"เนวิน ชิดชอบ"ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒

http://www.thaipost.net/news/160209/377

เปลว สีเงิน 16 กุมภาพันธ์ 2552 - 22:11

ระวังนะครับ "เรื่องร้อน" จะเป็นตัวนำความเปลี่ยนแปลงมาให้ ฉะนั้น ใจร้อน ไฟร้อน น้ำร้อน อารมณ์ร้อน อากาศร้อน คำพูดร้อน เงินร้อน การบ้าน-การเมืองร้อน สรุปว่า อะไรที่ในร้อนๆ ละก็ สังวรณ์กันไว้หน่อยแหละดี ถ้ายังสงสัยว่า อะไรบ้างที่เข้าข่ายอยู่ในเรื่อง "ร้อน" ท่านที่ได้รับหนังสือสวดมนต์ฉบับสมบูรณ์ไป พลิกที่หน้า ๖๖ "อาทิตตปริยายสูตร" อ่านก็ได้ สวดก็ได้ หรือจะทั้งอ่าน-ทั้งสวดยิ่งดีใหญ่ ตื่นเช้าเอาน้ำลูบหน้า ตกบ่ายเอาน้ำลูบอก ตกเย็นเอาน้ำลูบเท้า ก่อนนอนก็สวดมนต์ไป ท่านว่าประสิทธิเม นักแล

ครับ ก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไรเหมือนกัน พอนิ้วจิ้มแป้นอักษร ก็เหมือนเล่นผีถ้วยแก้ว มันไปของมันเอง เอาอย่างนี้ดีกว่า ขอชี้แจงแถลงไขกับท่านที่ขัดอก-ขัดใจเรื่องตัวหนังสือที่กระจิริดกระจ้อยร่อย เหมือนเป็นโรคขาดอาหารซักหน่อย เพราะมีท่านที่อดรนทนไม่ไหวโทร.มาต่อว่าต่อขาน จะทรมานสายตาคนสาวน้อย-หนุ่มน้อยไปถึงไหนกัน ขอรับผิดแบบหน้าชื่น-อกตรมครับ อย่างที่บอกนั่นแหละ เผอิญเครื่องคอมพ์ตัวเก่า-ระบบเก่าของผมสิ้นอายุขัย เขาเอาเครื่องใหม่-ระบบใหม่มาให้ใช้ ก็ด้วยความที่เป็นคน "ไม่ชินของใหม่" ก็เลยกะไม่ถูกว่าที่เขียนไปมันจะสั้น จะยาวขนาดไหน ตกเข้าวันนี้เป็นวันที่สาม คิดว่าน่าจะพอคลำระบบใหม่งูๆ ปลาๆ ได้เข้าที่เข้าทางบ้างหรอก

เรื่องที่พรรคเพื่อทักษิณเขาจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ทำลายความปรองดองแห่งชาตินั่นน่ะ วานนี้มีท่านหนึ่งอีเมล์เข้ามาถึงผม ก็ดีใจว่ามีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น แต่เขาคิดเห็นอย่างนี้ครับว่า ขอถามคำที่เห็นว่าสมควรนิรโทษกรรม ๑๐๘ คน นั้น รวมถึงคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ คนดีของผมด้วยใช่ไหม ไม่เชื่อทุกเรื่องที่ผมเขียนหรอก อืมมมม..ก็แปลก ในความคิดของคนด้วยการจับจ้อง-เจาะจง ขอตอบว่า "ใช่ครับ" ใครก็ตามในจำนวน ๑๑๑ คน นอกเหนือจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า "เป็นตัวการ" ทำผิดในการจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง ๓-๔ คนครั้งนั้น เมื่อแยกคนผิดไปดำเนินคดีแล้ว ที่เหลืออีก ๑๐๘ คน ซึ่งไม่มีความผิด อันมีคุณสุวัจน์ที่เหมือนญาติ-เหมือนน้องของผมรวมอยู่ด้วย "ทุกคน" สมควรได้รับการพิจารณาถึงความเป็นธรรมครับ

นี่คือความเห็นผม และความเห็นก็คือความเห็น ไม่ใช่ข้อความโฆษณาขายสินค้าชวนเชื่อ ฉะนั้น ดีแล้วที่คุณบอกว่าไม่เชื่อทุกเรื่องที่ผมเขียน แสดงว่าสมองคุณมีมันสมอง ไม่ใช่กระดาษซับ ถ้าทรัพยากรบุคคลมีสติ-ปัญญาสนองตอบความรับรู้และใช้ในลักษณะรู้จักการแยะแยะมากๆ

ประเทศไทยเรา "ไปรอด" แน่อนอนครับ!

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๔ กุมภา.มีปรากฏการณ์ทางความรักหลายเรื่อง เรื่องแรก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เขาไปจัดงานขชุมนุมความรักคนเสื้อเหลืองกันที่อุดรธานี และทาง นปช.เขาก็จัดชุมนุมความรักคนเสื้อแดงกันที่วัดไผ่เขียว ทางย่านดอนเมือง อยู่ตรงไหนผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน และตอนค่ำ พ.ต.ท.ทักษิณก็โฟนอินจากสถานที่อันไม่เปิดเผยแห่งหนึ่งถึงสาวกในวงชุมนุม

ในวันเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย เขาก็จัดประชุมเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคกันที่อาคารกีฬาเวสน์ ย่านดินแดง ปรากฏว่าได้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค นางพรทิวา นาคาศัย เป็นเลขาฯ พรรค เอาเรื่องแรกก่อนนะครับ การที่พันธมิตรฯ ไปจัดงานกันได้ที่อุดรธานี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ในแดนเหนือ-แดนอีสาน อย่าว่าแต่พันธมิตรฯ เลย ขนาดนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนไหนลงไปเหยียบ เป็นต้องถูกคนเสื้อแดงไล่ตี ไล่ต้านกระเจิดกระเจิง ปรากฏการณ์ครั้งนี้ แสดงถึงความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่า

แท้จริงแล้ว คนไทยทุกคน ไม่ว่าในภาคไหน-ส่วนไหนของประเทศ ถึงใครจะสวมเสื้อสีอะไร ก็ไม่ได้จริงจัง เอาเป็นเอาตาย "คล้ายแยกประเทศกันอยู่" ย่อมไปมาหาสู่กันได้ตามปกติ แต่ที่คล้ายกับว่าประชาชนในภาคอีสาน-ภาคเหนือต่อต้านรัฐบาล หรือมีปฏิกิริยาเป็นศัตรูกับคนเสื้อเหลืองนั้น

ก็แค่ "การจัดตั้ง" ของคนบางคน และบางกลุ่มเท่านั้น!

ประเด็นต่อมา การที่เมื่อก่อนเสื้อเหลืองไปไม่ได้ เป็นต้องถูกเสื้อแดงไล่ตี ไล่ฆ่า แต่เมื่อวันเสาร์ เสื้อเหลืองก็ไม่ถูกเสื้อแดงไล่ตี ไล่ฆ่า

นั่นคือคำตอบว่า เหตุร้าย-เหมือนบ้านเมืองแยกฝ่าย-แยกประเทศนั้นตัวการใหญ่ที่ปล่อยให้เป็นไปคือ

"คนใน" อำนาจรัฐ นั่นเอง ไม่ใช่ชาวบ้าน-ประชาชนโดยตรง ชาวบ้านเป็นเพียง "เครื่องมือ" ของคนในระบบรัฐ หรือพูดให้ตรงชัดลงไปคือ ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการจังหวัด ผู้กำกับ องค์การปกครองพื้นที่ หรือบางพื้นที่ รวมถึงทหารบางคนด้วย
ถ้าคนในอำนาจรัฐ เคร่งครัด ซื่อตรงต่ออำนาจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ และสังคม ผู้ว่าฯ-ตำรวจ-การเมืองท้องถิ่น-ทหาร "ไม่ฝักไฝ่" ฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใดชนิดลืมประเทศชาติ ชาวบ้านซึ่งรวมตัวกันได้เป็นพัน-เป็นหมื่นนั้น ถึงรวมตัวได้ แต่จะไม่สามารถก่อจลาจลไล่ตี ไล่ฆ่า ชนิดผิดกฎหมายเกิดขึ้นได้

ก็เพราะ "ตัวการใหญ่" ในพื้นที่ไม่กี่คน ภายใต้การยักคิ้ว-หลิ่วตาของคนในระบบอำนาจรัฐหรอก จึงสามารถเหิมเกริม กระทำการเหมือน "อยู่เหนือกฎหมาย" ได้ โดยไม่ถูกจับกุม และสถานการณ์ไม่ถูกควบคุมจริงจัง!

หลังรัฐบาลปรับหัวขบวนระบบข้าราชการในมหาดไทย และหลังจากมีการสับเปลี่ยน-โยกย้าย ระดับนายตำรวจคุมภาค คุมพื้นที่จากตำรวจ-ผู้ว่าฯ ฝักใฝ่ในอำนาจทักษิณออกไป ภาคอีสาน-ภาคเหนือ ก็คืนสภาพเป็นผืนดินของประเทศไทย ของคนไทยทุกคน สามารถไปมาหาสู่กันได้ตามปกติ ไม่ว่าใครจะสวมเสื้อสีไหน แต่ใจสวมเสื้อสีไตรรงค์เดียวกัน

"หัวไม่ส่าย หางย่อมไม่กระดิก" เหตุการณ์ ๑๔ กุมภา.ที่อุดรฯ เป็นตัวพิสูจน์ ชาวบ้านไม่มีความแตกแยก ถึงมีกลุ่มจัดตั้งออกมาต่อต้าน แต่เมื่อระบบรัฐ "ผู้ว่าฯ-ตำรวจ" ไม่ยักคิ้วหลิ่วตา ทุกอย่างก็สามารถควบคุมการต่อสู้ทางความคิดเห็นของประชาชนที่เห็นต่างกันได้ โดยไม่ต้องปะทะฆ่าแกงกัน

พี่น้องที่อุดรฯ ตอนนี้ คงเข้าใจดีแล้วว่า การปล่อยให้คนบางพวก-บางกลุ่มทำตัวเป็น "เจ้าพ่อคุมเมือง" นั้น เป็นผลเสียกับธุรกิจการค้า การทำมาหากินในจังหวัดขนาดไหน คนเรานั้น แตกต่างกันได้ แต่อย่าแตกแยก ประเทศไทยเมื่อไม่แตกแยก สิ่งเห็นชัดๆ การที่คนเสื้อเหลืองต่างพื้นที่เป็นพัน-เป็นหมื่นไปร่วมสานเสวนาภาษาการบ้าน-การเมืองกันวันนั้น และเสื้อแดงก็แค่ต่อต้านให้เห็นเป็นกิริยา แต่ไม่ถึงขั้นไล่ฆ่า-ไล่ตีนั้น


ทั้งเหลือง-ทั้งแดง ช่วยทำให้ธุรกิจการค้า ตั้งแต่สามล้อ แม่ค้า ขึ้นไปถึงโรงแรมในอุดรฯ และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดรายทาง "ทำมาค้าคล่อง" ขึ้นทันตาเห็นมิใช่หรือ?

มาถึงด้านการชุมนุมของเสื้อแดงที่วัดไผ่เขียว ดอนเมือง ถือเป็นพัฒนาการทางการเมืองของคนเสื้อแดง หรือพูดตรงๆ ก็คือคนไทยด้วยกันกับเสื้อเหลือง หรือเสื้อไหนๆ ในทุกสี อย่างนี้ดีแล้วครับ การแสดงออกทางการเมือง โดยไม่ทำความเดือดร้อน-รำคาญ อันเป็นการรานสิทธิของคนอื่น จัดกันเป็นที่เป็นทาง

อย่างนี้ จัดกันทุกวันยิ่งดี จะได้กระตุ้นต่อมประชาธิปไตย และค่อยๆ ตะล่อมให้ตรงทิศ-ถูกทางของมัน
และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโฟนอินถึงสาวก ก็ไม่แปลก ตราบใดที่คำพูดจากการโฟนอิน นั้น อยู่ในกรอบสร้างสรรค์-จรรโลง ไม่โน้มน้าว ชักจูง ให้คนเสื้อแดงที่กำลังเรียนรู้ประชาธิปไตยภาคสนามหลวงเข้าใจอะไรผิดๆ อันนำไปสู่การเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันหลักของชาติ

แต่ผมว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณตกอยู่ในสภาพ "ไก่ตาแตก" นะครับ!

คือแยกไม่ออก มองไม่เห็นแล้วว่า ใคร-อะไร คือศัตรูตัวจริงของเขา และทางไหน-ทางสวรรค์ และทางไหน-ทางนรก สำหรับตัวเอง เห็นแล้วน่าสงสาร ชั่วดีถี่ห่าง ทักษิณก็คือ "พี่น้องไทย" ของเราคนหนึ่งที่กำลังหลงทาง ช่วยได้ก็ควรช่วยกัน แต่ต้องช่วยให้ถูกทาง ไม่ใช่แบบ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ยกทักษิณ "อยู่เหนือกฎหมาย"

ถ้าแบบนั้น ควรปล่อยให้ "ตรอมใจตาย" ไปเถอะ!

ศัตรูทางการเมืองทักษิณขณะนี้ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ และไม่ใช่ "นายกฯ อภิสิทธิ์"!?

มันเปลี่ยนไปแล้วครับ เปลี่ยนสมบูรณ์ตั้งแต่ ๑๔ กุมภา.ที่ "พรรคภูมิใจไทย" สู่ความเป็นพรรคการเมืองครบถ้วนตามกระบวนการ และด้วยคนฉลาดระดับหลายประเทศในแอฟริกาแย่งกันไปเป็นที่ปรึกษา ทักษิณก็น่าจะได้ "กลิ่นใหม่" สัมผัสจมูกแล้วว่า พรรคภูมิใจไทย อันเป็น "ไผ่แตกกอ" ออกมาจากลูกชายคนหัวปี อันมีนามว่า "ทองปากบาน" นั้น


เขาตัดหน้า ตีตราจองเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๘" ต่อจากนายกฯ อภิสิทธิ์ไว้แล้ว!

ฉะนั้น การที่ทักษิณหวังใช้ "สาวกเสื้อแดง" เป็นกองกำลังรบ เพื่อชิงอำนาจประเทศจากนายกฯ อภิสิทธิ์ แล้วกลับมาเป็น "นายกรัฐมนตรี CEO" แทน เพื่อสถาปนาอำนาจเหนือประเทศเบ็ดเสร็จนั้น ถือเป็นการ "รบผิดตัว" อย่างน่าสมเพชจริงๆ


หัวหน้าภูมิใจไทยปัจุจุบัน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นแค่ "ตัวจ่าย" เฉพาะกิจ ส่วนหัวหน้า "ตัวจริง" หลังจอคือ เนวิน ชิดชอบ ประกอบฉากด้วย "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ส่วน "ตัวโจ๊ก" จับผสมแล้ว ๙ แต้มตลอดคือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ "ตัวเจี๊ยะ" คือนายวิชัย ณ คิงเพาเวอร์

ตามแผนบันได ๓ ขั้น ถ้าเกิดปรากฏการณ์พิสดาร มีการนิรโทษกรรมกันขึ้นภายใน ปี-ครั้งปี หรือถ้าไม่เกิด ก็อีกราวๆ ๓ ปี จะเหมือนผีพ้นจากยันต์ปากหม้อ

ทองปากบาน จาก "ตัวจริง-หลังจอ" จะผงาดขึ้นเป็น "ตัวเจ้า" ซึ่งถ้าทุกอย่างสมูธ แอส ซิลก์ ด้วยการขับเคลื่อนของคณะเนวิน เขามองข้ามหัว เอ๊ย..ข้ามช็อตจากประชาธิปัตย์ ไปถึงขั้นค่อยๆ ดูดลูกพรรคเพื่อไทยให้เหลือแค่กระดอง แล้วเลือกตั้งใหญ่

พรรคภูมิใจเนวินจะครองเหนือ-อีสานแทนทักษิณ

ฯพณฯ หัวเจ้าท่าน เนวิน ชิดชอบ นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๘ ของประเทศไทย

จะหนีไปซะทางไหนเสีย!


ตอนนี้ ไม่มีพรรคไหนมีจตุปัจจัยพร้อมเท่าพรรคภูมิใจเนวิน เดี๋ยวก็จะมี ถนนปลอดฝุ่นเป็นพัน-เป็นหมื่นล้าน เดี๋ยวก็จะมี NGV ๔,๐๐๐ คัน ตีซะคันละล้าน ขี้เกียจจะภูมิใจกันยกใหญ่ แล้วตอนนี้ก็มีกิจการสนามบินคิงเพาเวอร์ การท่าฯ คิงเพาเวอร์ กำลังจะปิดสนามบินดอนเมือง โอนประโยชน์โภชผลไปเพิ่มพูนให้สนามบินคิงเพาเวอร์ และยังจะแถมด้วยการบินไทยคิงเพาเวอร์

ขออนุญาตเรอหน่อยนะ...เอิ๊กกกกก...แหม ค่อยยังชั่ว!

ประชาธิปัตย์น่ะ ในทัศนคติของคณะเนวิน เขาวางตำแหน่งไว้แค่ "กาบกล้วยบังแดด" ให้พรรคภูมิใจเนวิน ในขณะที่ ตัวจริง-ตัวโจ๊ก-ตัวแจม ยังติดอยู่ในบ้านเลขที่ ๑๑๑ และประเมินดูจากท่าทีของคนภูมิใจไทย เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสถานภาพนายกฯ ของอภิสิทธิ์ในการเชื่อฟังเท่าไรนัก

ตรงกันข้าม ดูจะอบอุ่น แนบแน่น "ตกผลึก" มาแล้วกับรองนายกฯ ที่ชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" มากกว่า!?

นายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวิน นั้น ผมไม่เคยเห็นชายวัย ๘๐ กว่าปีคนนี้ จะกระฉับกระเฉง เลือดฉีดแดงซ่านทั้งใบหน้า ประกายฉายแววพึงใจเจิดจ้าเหมือนผีดิบได้เลือด เหมือนเมื่อวันเสาร์ ๑๔ กุมภา.ที่ขึ้นไปบนเวที ชูมือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล แสดงความสำเร็จยิ่งใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยท่ามกลางสมาชิก และผู้มาร่วมแสดงความยินดี

คับคั่งชนิดที่ "เพื่อไทย" เหมือนต้นไม้ใบร่วง!?

ผมเคยได้ยินนายชัยคุยถึงสรรพคุณลูกชายคนนี้มาตลอดว่า "นี่แหละ..นายกฯ คนต่อไป" ผมเห็นความคึกคัก กระปรี้กระเปร่าของนายชัยครั้งนี้ ก็อยากบอกไปถึงอดีตนายกฯ ทักษิณว่า ควรปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ เปลี่ยนเป้าหมายชิงจากนายกฯ อภิสิทธิ์ไปตั้งเป้าถล่มห้าง "ว่าที่นายกฯ" ของลูกชายคนหัวปีที่ชื่อ "ทองปากบาน" จะเป็นการถูกตัวศัตรูมากกว่า

ในขณะที่ทักษิณต้อง "เปลี่ยนคู่ชก" ทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เหมือนกัน เสื้อแดง-ทักษิณ-เพื่อไทย กำลังจะไม่ใช่คู่ชก-คู่ชิงเฉพาะหน้าแล้ว เป้าเปลี่ยนมาที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งมีพรรคภูมิใจเนวิน-พรรคร่วมที่เหมือนกาฝากดูดน้ำเลี้ยงจากคาคบไทรใหญ่ ทั้งเรื่องรถเมล์ ๔,๐๐๐ คัน ทั้งเรื่องสนามบิน เรื่องการบินไทย และเรื่องยุบดอนเมืองไปสู่ความเป็นหนึ่งใน ณ คิงเพาเวอร์ ถ้านายกฯ อภิสิทธิ์ใช้นโยบายบริหาร "ผลประโยชน์ต่างตอบแทน" ทั้งที่สมัยเป็นฝ่ายค้าน-ค้านหัวชนฝา ก็เห็นทีว่า ในสมรภูมิใหม่ ภูมิใจไทย-รอด แต่ประชาธิปัตย์-ไม่รอดแน่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น