วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กำศรวลมหาดไทย หรืออวิชชา ปรมาลาภา version 2

โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ
อวิชชา ปรมาลาภา = ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

อวิชชา ไม่ได้แปลว่างี่งั่ง หรือ โง่เง่าเต่าตุ่น นะครับ อวิชชา คือ ความไม่รู้แจ้ง ไม่รู้จริง หรือรู้ผิดๆ ตามที่ท่านป. ปยุตโต พรรณนา ไว้ดังนี้

1. ไม่รู้ในทุกข์ 2. ไม่รู้ในทุกขสมุทัย 3.ไม่รู้ในทุกขนิโรธ 4. ไม่รู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา

กล่าวสั้นๆ คือไม่รู้ในอริยสัจ 4 นั่นเป็น อวิชชา 4 + เข้าไปอีก 4 ก็เป็นอวิชชา 8 ดังนี้

5. ไม่รู้ในส่วนอดีต 6.ไม่รู้ในส่วนอนาคต 7.ไม่รู้ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต 8. ไม่รู้ในธรรมทั้งหลายที่อาศัยกันจึงเกิดมีขึ้นตามหลักอิทัปปัจจยตา

บุคคลตกอยู่ในความประมาท โลภ-โกรธ-หลง-และตัณหาทั้งปวงก็เพราะความไม่รู้แจ้ง ไม่รู้จริง

อวิชชาทั้ง 8 สามารถนำมาประยุกต์อธิบายการเมืองไทยที่เป็น “สมบัติผลัดกันชม” ได้เป็นอย่างดี

ผมขอมอบบทความนี้แด่อดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุน และนพ.ประเวศ วะสี

กัลยาณมิตรคนหนึ่งของท่านทั้งสอง เมื่อได้ดูรายการทีวีของ “คำผกากับคำรณ คุณะดิลก” แล้ว อดรนทนไม่เขียนไม่ได้

I could not watch it in its entirety. As long as the Dok Thong camp continues to talk about killing from ONE side, it's no use arguing with them. Kamron should have declined to take part: he was bored stiff.

I am having similar feelings with both Khun Anand's and Moh Prawes's committees. Some of the members are known to be downright IMMORAL in their private lives: the media cannot distinguish between rogues and virtuous people, because the media themselves are filled with rogues.

ผมเองต้องสารภาพว่าเบื่อหรือ bored stiff กับสถานการณ์และพฤติกรรมของรัฐบาล

มรดกอุบาทว์หรืออวิชชาที่รัฐบาลฝังหัวราษฎรไทยไปเรียบร้อยแล้วก็คือ คณะรัฐมนตรีไม่มีความรับผิดชอบร่วมเพราะแบ่งกระทรวงให้แต่ละพรรคไปแล้ว การชุมนุมประกาศฆ่านายกรัฐมนตรีและรวบรวมขวด 1 ล้านใบเอามาใส่น้ำมันเผากรุงเทพฯ เป็นการใช้เสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย หนังสือที่สำนักราชเลขาธิการส่งมาให้ครม.ทบทวนการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยขาดธรรมาภิบาลไม่จำเป็นต้องทบทวน ให้คอยเฉพาะผลร้องเรียนเรื่องคอร์รัปชันการสั่งซื้อคอมพิวเตอร์เรื่องเดียวก็พอ

เรื่องการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอขาดธรรมาภิบาล+เรื่องเลื่อนชั้น 41 นายอำเภอ 9 เป็นโมฆะ+เรื่องตั้งปลัดกระทรวงชะงัก เป็นความ(ไม่)รับผิดชอบคนละเรื่องกับการลัดคิว ครม.ตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด 48 นายโดยผู้บริหารกระทรวงคณะเดียวกัน ภายใต้การดูแลของพรรคภูมิใจไทยที่มีผู้ชักใยต้องห้ามทางการเมือง ฯลฯ

ผมอยากให้คุณอานันท์ หมอประเวศ กับนายกรัฐมนตรีมองเห็นอริยสัจ 4 และอิทัปปัจจยตาแห่งการเมืองไทยว่าท่านได้มานั่งอยู่ในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ท่ามกลางความทุกข์ลำเค็ญของพี่น้องร่วมชาติทุกวันนี้ด้วยและเพื่ออะไร

ผมอยากให้ท่านศึกษา “บุรีรัมย์โมเดล” เพราะมีคนต่างชาติเห็นแล้วว่าบุรีรัมย์โมเดล เหมือนกับ “ฮุนเซนโมเดล”

โปรดกด google ดูฮุนเซนโมเดล ใน Country For Sale กับ Cambodia’s Family Trees โดย Global Witness

ส่วน Buriram Model ซึ่งคล้ายกันแต่ย่อส่วนเล็กลงมาอยู่ใน Southeast Asian Affairs 2008 โดย Tin Maung Maung Than

ตอนที่ Tin Maung เขียน อภิสิทธิ์ยังเป็นฝ่ายค้าน และเนวินยังมิได้ปราบดาฯ

บุรีรัมย์โมเดล (Tin Maung) มีลักษณะดังนี้ 1. เขมือบงบทุกอย่าง 2. ใครขัดขวางจงระวัง 3. โกงเลือกตั้งทุกระดับ 4. งุบงิบทรัพยากรชาติ 5. สามารถอุปถัมภ์ข้ามกระทรวง

ข้อมูลดิบบุรีรัมย์ ที่ผมได้รับมา ขอส่งต่อให้รัฐบาล สภาฯ สื่อ นักวิชาการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบ จริงหรือเท็จ

1. ปี 2534 วิศวกรโยธา จ.บร. ซี-4 ไม่ยอมตรวจรับงาน ถูกอุ้มหายไม่เจอศพ 2538 โยธาธิการจังหวัด ถูกยิงตายบนบ้าน 13 ตุลาคม วันตำรวจ เพราะไม่ยอมตรวจรับงาน

2. ปี 2539 ผู้ใหญ่บ้าน กิ่ง อ.บ้านด่าน ไม่ยอมร่วมมือโกงเลือกตั้ง ถูกอุ้มหาย ลูกชายคหบดี อ.กระสัง จบปริญญาโท จะลงแข่ง ส.ส.ไม่ยอมเข้าคอก ถูกยิงด้วยอาก้าที่หน้าบ้าน จับคนร้ายไม่ได้

3. นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ ถูกลอบยิง 18 ธ.ค. 42

4. นายเกษม วัฒนธรรม ปัจจุบันรองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน อดีตนายอำเภอแหวนเพชร ที่ปรึกษาข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติในกัมพูชา และอาคันตุกะพิเศษรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ถูกข้ามหัวและแช่แข็ง เพราะในฐานะประธาน กกต.บุรีรัมย์ได้ออกใบแดงให้ภริยาและบริวารของนายเนวิน

5. 2550-2551 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ตั้งกรรมการตรวจสอบนายชัย ชิดชอบและพวกดำเนินคดีการฮุบที่รถไฟ (เขากระโดง) และการรุกที่สาธารณะ158 ไร่ ที่อ.สตึก บร. ทั้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ตร.และพ.ต.อ.สังวร ภู่ไพจิตกุล ผู้สอบปากคำถูกปลดและย้ายตามๆ กัน ทั้ง 2 คดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง

6. คนดีศรีบุรีรัมย์ พล.ต.ต.สมบัติ ชาวบุรีรัมย์ขึ้นแทนพล.ต.ต.สมหมาย ตระกูลเสี่ยเกี้ย เรืองสุขศรีวงศ์ ขึ้นเป็นอธิบดีกรมทางหลวง นายระพี ผ่องศุภกิจ น้องชายนักธุรกิจใหญ่บุรีรัมย์ อดีตรองผู้ว่าฯ อุทัยธานี 2552 ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ นครราชสีมา จังหวัดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเพื่อตีกันผู้ใหญ่ขอ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล (ที่ต้องไปเชียงใหม่) นายมานิต วัฒนเสน อดีตปลัดกระทรวงคิก...คิกและนายมงคล สุระสัจจะ นายเสริม ไชยณรงค์ ล้วนแต่คอกเดียวกันทั้งสิ้น

ถามว่าอะไรเล่าที่กล่าวมา จะมิใช่ธรรมทั้งหลายที่อาศัยกันจึงเกิดมีขึ้นตามหลักอิทัปปัจจยตา เช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดปีนี้

การแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด 2553

ผู้ใดมีอิทธิพลเหนือตำรวจ-ทหาร และข้าราชการมหาดไทย ผู้นั้นย่อมมีอำนาจสูงสุดในการเมืองไทย อำนาจสูงสุดนำไปสู่คอร์รัปชันสูงสุด

ถามว่าอภิสิทธิ์กับเนวินใครมีอำนาจมากกว่ากัน คำตอบจะหาได้จากผลสรุปสุดท้ายของการตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในปีนี้

1. ในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2548 นายถาวร เสนเนียม ปัจจุบัน มท.3 ประชาธิปัตย์ได้ฟ้อง กกต.ว่านายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งขณะนั้นเป็น รมช.กระทรวงเกษตรฯ ทุจริตการเลือกตั้งด้วยการหว่านล้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สงขลา และสตูลช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย และสัญญาจะตอบแทนอย่างสูงสุดหนึ่งในนั้น คือ นายมานิต วัฒนเสน ถูกจับเข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวง

2. ปี 2552 นายมานิต วัฒนเสน เป็นผู้ว่าฯ ขอนแก่น นายมงคล สุระสัจจะเป็นผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ทั้งคู่ fast track หรือแหกลู่ออกมาเป็นอธิบดีระยะสั้นมากๆ นายมานิตขึ้นเป็นปลัดกระทรวงปี 2553 ข้ามหัวอดีตผู้บังคับบัญชาที่เป็นผู้ว่าฯ และอธิบดีตั้งแต่นายมานิตเพิ่งจะเป็นซี 8 ทำให้รองปลัดฯ อธิบดี และผู้ว่าฯ หลายคนไม่ยอมเข้าประชุมกับนายมานิตตลอดสมัย

3. มิถุนายน 2553 นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิพาณิชย์ ถูกเด้งสายฟ้าแลบจากอธิบดีกรมการปกครองเพื่อเปิดทางให้นายมงคล กันยายน 2553 ครม.อนุมัติให้นำชื่อนายมงคล ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นปลัดกระทรวง สำนักราชเลขาธิการส่งเรื่องคืนให้ ครม.ทบทวนเพราะมีการถวายฎีกาประกอบกับความเห็นขององคมนตรี ต่อมานายมงคลถูกร้องเรียนทุจริตเรื่องจัดซื้อคอมพิวเตอร์ การที่นายชวรัตน์ มท.รับรองว่าเป็นคนดีมีความสารถไม่เคยถูกสอบหรือร้องเรียนจึงเป็นความเท็จ (เช่นเดียวกับกรณีของนายมานิต) ซึ่งแสดงว่า รมว.มหาดไทยและปลัดกระทรวงประมาทเลินเล่อไม่รอบคอบเรื่องที่นำทูลเกล้าฯ

4. ชวรัตน์-มานิตและศักดิ์สยาม ชิดชอบ ทำการบริหารบุคลากรบกพร่องขาดธรรมาภิบาล ผิดกฎหมายและไร้คุณธรรมมาแล้วในกรณีสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ และก.พ.ค.สั่งการตั้ง 41 นายอำเภอซี 9 เป็นโมฆะ เมื่อปลัดอำเภอจากบุรีรัมย์สอบได้หมดมากเป็นที่ 1 ของประเทศถึง 17 นาย ในขณะที่ 3 จังหวัดใหญ่ได้ที่ 2 จังหวัดละ 7 รายเท่านั้น คือ ขอนแก่น นครราชสีมา มีรมช.จากพรรคภูมิใจไทย สงขลามี รมช.ถาวร เสนเนียม พรรคประชาธิปัตย์ ย่อมประจานความเป็นไปไม่ได้เชิงวิชาการสถิติและความสุจริตเที่ยงธรรม สมควรตรวจสอบการเล่นพวกและซื้อขายตำแหน่งให้ได้

5. การแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งๆ ที่ถูกจับตาไว้ล่วงหน้าและมีกรณีการส่งคืนจากสำนักราชเลขาธิการแต่ก็หาได้นำให้ รมว.กระทรวงมหาดไทยหรือครม.สำนึกไม่ ฝ่ายหนึ่งต้องการสำแดงอำนาจเอาแต่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งประมาทเลินเล่อและไม่กล้าตรวจสอบ หากจะเอากรณี ก.พ.ค.ยกเลิกการตั้งนายอำเภอซี 9 เป็นบรรทัดฐาน จะเห็นว่าการแต่งตั้งผู้ว่าราชจังหวัดกลับบกพร่องยิ่งกว่า เช่น ขั้นตอนไม่ครบ ข้อมูลเปรียบเทียบไม่มี เวลาพิจารณาไม่พอ เกณฑ์ที่ตั้งไว้มิได้นำมาปฏิบัติ ยังผลให้รองผู้ว่าราชการอาวุโสที่มีประสบการณ์ดีเด่นสอบเข้าโรงเรียนต่างๆ ได้ก่อน ผ่านอำเภอ ปลัดจังหวัดและรองผู้ว่าฯ มาหลายจังหวัด มีผลงานทั้งระดับประเทศ ภูมิภาคและนานาชาติ เช่น นายเกษม วัฒนธรรมและนายสุรชัย ศรีสารคาม เป็นต้น ต้องถูกข้ามไปโดยผู้ด้อยอาวุโสที่มาจากบุรีรัมย์โมเดล

ผมขอแนะนำให้บุคคลเหล่านั้นซึ่งมีหลายสิบคนลุกขึ้นมาร้องเรียนหรือให้ปากคำ เพราะการอยู่นิ่งเฉยของท่านจะเป็นการสมยอมให้กระทรวงมหาดไทยและประเทศชาติถูกทำลาย

1.ให้คณะกรรมการปฏิรูป คณะกรรมการหรือกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลและวินิจฉัยว่ามีการแทรกแซงทำลายความเป็นกลางของข้าราชการมหาดไทยเพื่อผลทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งและการใช้งบประมาณหรือไม่

2.ให้ประชาชนหรือองค์กรที่สนใจร้องเรียนและใช้สิทธิตามกฎหมายเสรีภาพข่าวสาร ขอดูข้อมูล สถิติและขั้นตอนที่นำมาสู่การตัดสินใจเรื่องการโยกย้ายแต่งตั้งและเลื่อนชั้นในกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่เจ้าหน้าที่ประจำ เจ้ากระทรวงจนถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี

3. ให้มีการคุ้มครองผู้ให้ปากคำซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ผู้ได้รับหรือเสียประโยชน์จากการแต่งตั้งแต่ละครั้ง อันนี้อาจนำไปสู่การสังคายนาปรับปรุงกระทรวงอย่างจริงจังครั้งใหญ่ได้

4. เรียกร้องให้มีการนำรัฐธรรมนูญ ม. 279 มาบังคับใช้ มาตรา 279 กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฯลฯ ให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรมที่กำหนดขึ้น

“การพิจารณา สรรหา กลั่นกรอง หรือแต่งตั้งบุคคลใดเข้าสู่ตำแหน่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจรัฐ รวมทั้งการโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนเงินเดือน และการลงโทษบุคคลนั้นจะต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมและคำนึงถึงพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลดังกล่าวด้วย”

มาตรฐานทางจริยธรรมตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีกลไกและระบบในการดำเนินงานเพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกำหนดขั้นตอนการลงโทษตามความร้ายแรงแห่งการกระทำ

การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัย ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามฯลฯ หากเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ฯลฯ ให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามมาตรา 270

นายกฯ อภิสิทธิ์ อดีตนายกฯ อานันท์ และหมอประเวศ มีอำนาจหน้าที่และบารมีที่จะคลายปมเรื่องนี้โดยสันติได้หากท่านยังไม่รู้หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือไม่ทำอะไรระวังเรื่องนี้จะกลายเป็น “ทุ่งใหญ่นเรศวร” ที่นำไปสู่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น